วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ศิลปะ


    ปกสมุด  


                                        
จิตกรรมไทย
หลาย ๆ ท่านคงได้ทราบแล้วว่างานจิตรกรรมไทยประเพณีโบราณเป็นงานที่ประณีต  วิจิตรบรรจง  มีลักษณะการสร้างสรรค์ในแบบอุดมคติเล่าเรื่องราวทางพุทธประวัติ ทศชาติ ไตรภูมิ วรรณคดี ประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นฯ  เอกลักษณ์เฉพาะที่พบเห็นอย่างเด่นชัดในงานจิตรกรรมไทยคือ  การตัดเส้น  สำหรับหัวข้อนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับเรื่องราวของเส้น  และวิธีการฝึกฝนการตัดเส้นกันเลยครับ...

พระพิฆเนศวร์  ลงสีตัดเส้นบนกระดาษ ๑๐๐ ปอนด์เรียบ โดยผู้เขียน

         ด้วยคุณลักษณะอันเป็นแบบอย่างเฉพาะตัวของงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณี  การใช้ทัศนธาตุต่าง ๆ อันมีเส้นเป็นประธานนั้น  ผู้ที่ได้ศึกษาในระยะเริ่มแรกจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากในการใช้เส้น  โดยเฉพาะการตัดเส้นด้วยพู่กัน  เพื่อให้ได้เส้นที่สวยงามตามความต้องการ  ฉะนั้นวิธีการฝึกฝนเพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญ  จำต้องศึกษาคุณลักษณะของเส้น  ความรู้สึกที่เกิดจากลักษณะของเส้น  ความรู้สึกที่เกิดจากทิศทาง  เส้นโครงสร้างและหน้าที่ของเส้น  หากจะกล่าวโดยเนื้อหาทั้งหมดก็เป็นเรื่องยืดยาวเกินไป  จะกล่าวโดยสรุปไว้พอสังเขปได้ดังนี้
         เส้นมีมิติเดียว  คือ  ความยาว  มีลักษณะต่าง ๆ  มีทิศทาง  และมีขนาด
         ลักษณะต่าง ๆ ของเส้น  ได้แก่  ตรง โค้ง คด เป็นคลื่น ฟันปลา เกล็ดปลา ก้นหอย ชัด พร่า ประ ฯลฯ
         ทิศทางของเส้น  ได้แก่  แนวราบ แนวดิ่ง แนวเฉียง แนวลึก
         ขนาดของเส้น  เส้นไม่มีความกว้าง  มีแต่เส้นหนา  เส้นบาง  หรือเส้นใหญ่ เส้นเล็ก  ความหนาของเส้นจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับความยาว  ถ้าเส้นสั้นแต่มีความหนามาก  จะหมดคุณลักษณะของความเป็นเส้น  กลายเป็นรูปร่าง (Shape) สี่เหลี่ยมผืนผ้าไป  วิธีการตัดเส้นให้ได้ความรู้สึก  ได้ขนาดมีทิศทาง  กำหนดเส้นโครงสร้าง (เส้นแกน) และเส้นทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น  ประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้  คือ
         ๑.  กำหนดขนาดพู่กัน  (ชนิดขนยาวพิเศษ)  ให้เหมาะสมและสมดุลกับขนาดของเส้น  หรือใช้พู่กันเบอร์เดียวเขียนโดยการควบคุม (Control) น้ำหนักมือให้ได้ตามความต้องการ  วิธีนี้ต้องผ่านการฝึกฝนมาพอสมควร

                                                           เนื้อสีน้อย  น้ำมาก
ภาพการทดสอบเส้น  โดยใช้พู่กันเบอร์ ๐ พิเศษ  เบอร์เดียว

         ๒.  นำสีมาผสมกับน้ำ  (สีน้ำ สีโปสเตอร์ สีฝุ่น หรือสีอะคริลิค) ให้ได้เนื้อสีหรือน้ำสีตามความต้องการ  แล้วทดสอบเส้นบนกระดาษอื่นเสียก่อน  เมื่อได้เส้นและสีที่ต้องการแล้วจึงนำมาตัดลงบนชิ้นงาน
         ๓.  ตัดเส้นตามลักษณะเฉพาะของสิ่งที่เราจะเขียน  เช่น  คน  สัตว์  สิ่งของ  ต้นไม้  ใบไม้  ก้อนหิน  ภูเขา  หรือการตัดทอง (ทองคำเปลวปิดโดยใช้ยางมะเดื่อ  หรือเคมีปิดทองทาระบายลงไปก่อน) ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงคุณลักษณะของสิ่งเหล่านั้นว่ามีส่วนเฉพาะตัวอย่างไร เช่น ตัวพระ  ตัวนาง  สีผิวกายกับสีที่ใช้ตัดเส้นควรจะสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืน  ไม่ควรใช้สีตัดกันมาก  จะทำให้ดูแข็งกระด้าง  การผ่อนน้ำหนักมือขณะทำการตัดเส้นจะได้เส้นที่มีน้ำหนักอ่อนแก่มีความรู้สึก  ไม่เป็นเส้นลวด  หากได้ศึกษาถึงธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน  จะช่วยให้การตัดเส้นในงานจิตรกรรมไทยแบบประเพณีมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป
         ๔.  จัดลำดับการตัดเส้นว่าควรจะตัดส่วนไหนก่อน  เมื่อขึ้นสีพื้นและส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในภาพหมดแล้ว  ก็ให้พิจารณาดูว่า  ภาพของเรานั้นมีส่วนใดที่เป็นจุดเด่นมากที่สุด  จะได้ลดความสำคัญของส่วนอื่น ๆ ลงไป  ภาพที่เสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีความเป็นเอกภาพ (Unity) อย่างแท้จริง  วิธีจัดลำดับการทำงานโดยส่วนมากจะเริ่มเขียนภาพจากฉากหลัง  ทิวทัศน์  ต้นไม้  ภูเขา  โขดหิน  และสถาปัตยกรรมให้เสร็จเสียก่อน  แล้วจึงเริ่มตัดเส้นตัวภาพจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการตัดทอง  และการปิดทองนั้นควรทำหลังสุด  เพื่อป้องกันทองหมองหรือเกิดความมันจากเหงื่อจะทำให้ตัดเส้นไม่ติด  การป้องกันสามารถกระทำได้โดยการใช้สะพานไม้รองมือ  หรือใช้กระดาษทดสอบเส้นปิดไว้ก็ได้  สีที่ใช้ตัดเส้นทองในส่วนที่เป็นเครื่องประดับจะใช้สีแดง  โบราณใช้แดงชาดทำให้ทองเกิดประกายสุกปลั่ง  ปัจจุบันหาสีแดงชาดค่อนข้างลำบากและวิธีการผสมก็ยุ่งยาก  จึงใช้สีแดงสดผสมกับสีดำนิดหน่อย  เพื่อลดค่าของสี  ผลที่ได้ก็ใกล้เคียงกับของโบราณ  ตัดเส้นให้มีน้ำหนักและแยกรูปทรงของแต่ละส่วนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว  ภาพที่ออกมาจะสมบูรณ์

ภาพวิธีการฝึกตัดเส้น  ควรเขียนให้ได้เส้นในทุกลักษณะ

         จากส่วนประกอบอันเป็นปัจจัยต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้วนั้น  ชี้ให้เห็นถึงแนวทางวิธีการตัดเส้น  สำหรับผู้ที่เริ่มต้นศึกษางานจิตรกรรมไทยแบบประเพณีในเบื้องแรก  หากต้องการศึกษาอย่างลึกซึ้งและสามารถเข้าถึงศิลปะในงานจิตรกรรมไทยแล้ว  จำต้องฝึกฝนฝีมือเพื่อให้เกิดทักษะอย่างชำนิชำนาญ  โดยเฉพาะการตัดเส้นนั้น  ฝึกใช้พู่กันเขียนเส้นให้ชินมือเหมือนกับเขียนด้วยปากกาหรือดินสอ  ทำให้ได้ทุกวันจะเกิดความชำนาญไปเอง  จนสามารถใช้พู่กันตัดเส้นเขียนตัวหนังสือได้เล็กเหมือนกับใช้ปากกาเขียน  วิธีการฝึกฝนควรเขียนให้ได้เส้นในทุกลักษณะ  เช่น  เส้นตรงที่ยาวมาก ๆ ฝึกใช้ไม้บรรทัดรองตัดจะช่วยให้ได้เส้นที่แน่นอนและงานเร็วขึ้น  เส้นโค้ง หรือเส้นคดจะใช้มากในการเขียนลายกระหนก  เส้นวงกลมเขียนให้กลมจริง ๆ ดั้งนี้ เป็นต้น

คอมพิวเตอร์



แบบทดสอบเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์รายวิชาคอมพิวเตอร์



คำชี้แจง

1. แบบทดสอบนี้มี 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน 2. จงคลิกเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงหนึ่งข้อ 3. เมื่อทำแบบทดสอบเสร็จเรีบยร้อยแล้วกรุณาคลิกปุ่มส่งคำตอบ


































วันแม่


วันแม่

วันแม่แห่งชาติ ทุกวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี
        วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย
        แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ
        ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 
12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
        วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่ 
12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ 
  1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน 
  2.  จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ
  3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
  4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่


วันแม่ในประเทศต่าง ๆ
  • อาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์        นอร์เวย์
  • 8 มีนาคม         บัลแกเรีย, แอลเบเนีย
  • อาทิตย์ที่สี่ในฤดูถือบวชเล็นท์ (มาเทอริง ซันเ ดย์)       สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์
  • 21 มีนาคม (วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ)            จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์
  • อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม          โปรตุเกส, ลิทัวเนีย, สเปน, แอฟริกาใต้, ฮังการี
  • 8 พฤษภาคม         เกาหลีใต้ (วันผู้ปกครอง)
  • 10 พฤษภาคม       กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้, บาห์เรน, ปากีสถาน, มาเลเซีย, เม็กซิโก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินเดีย, โอมาน
  • อาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม          แคนาดา, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน), สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, บราซิล, เบลเยียม, เปรู, ฟินแลนด์, มอลตา, เยอรมนี, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อิตาลี, เอสโตเนีย, ฮ่องกง
  • 26 พฤษภาคม      โปแลนด์
  • 27 พฤษภาคม      โบลิเวีย
    อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม       สาธารณรัฐโดมินิกัน, สวีเดน
    อาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายนหรือ อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ฝรั่งเศส
  • 12 สิงหาคม    ไทย (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ)
  • 15 สิงหาคม (วันอัสสัมชัญ) คอสตาริกา, แอนท์เวิร์ป (เบลเยียม)
    อาทิตย์ที่สองหรือสามของเดือนตุลาคม อาร์เจนตินา (Día de la Madre)
  • 28 พฤศจิกายน     รัสเซีย
  • 8 ธันวาคม            ปานามา
  • 22 ธันวาคม          อินโดนีเซีย หนังสือ วันสำคัญของไทย โดย สมเจตน์ มุทิตากุล
    หนังสือ ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก โดย วรนุช อุษณกร
    หนังสือ วันสำคัญของไทย โดยธนากิต
    หนังสือ วันสำคัญของไทย โดย สุชิราภรณ์ บริสุทธิ์ 

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

โครงงานสุขศึกษา

บทคัดย่อ


โครงงานสุขภาพ เรื่อง ลูกประคบจากสมุนไพร ได้แนวคิดมาจากคนในท้องถิ่นหรือชุมชนที่มีปัญหาด้านการปวดเมื่อยตามร่างกายจำนวนมาก ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง กลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดทำลูกประคบขึ้นมาเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและแทนการรับประทานยาที่มีจำนวนมากโดยมีวิธีการดังนี้ นำเอาสมุนไพรมาคลุกรวมกัน ห่อด้วยผ้า ทำเป็นลูกประคบ และนำไปนึ่งด้วยความร้อน และประคบบริเวณที่ปวดเมื่อยได้













กิตติกรรมประกาศ



โครงงานสุขภาพ เรื่อง ลูกประคบจากสมุนไพรสด(HERBAL COMPRESS) จะสำเร็จลุล่วงไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้อำนวยการโรงเรียนอำนาจเจริญ นายจักรทิพย์ กีฬา

นางลาวัณย์ นพพิบูลย์ ครูประจำวิชา ที่ช่วยให้คำปรึกษา ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน ตลอดจนเอื้อเฟื้อสถานที่และออกแบบโครงงาน

ขอขอบคุณผู้ปกครอง ครูโรงเรียนอำนาจเจริญและชุมชนที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆและให้กำลังใจตลอดมา

คณะผู้จัดทำโครงงานขอขอบพระคุณท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ ณ โอกาสนี้

คณะผู้จัดทำ





สารบัญ



เรื่อง หน้า

คำนำ ก สารบัญ ข กิตติกรรมประกาศ ง บทคัดย่อ จ

บทที่ 1 บทนำ

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 1 จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า 1 สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า 1 ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 1 ระยะเวลาในการศึกษา 1

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

HERBAL COMPRESS 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเหง้าไพล 4 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับขมิ้นชัน 7 ความรู้เกี่ยวกับผิวมะกรูด 8 ความรู้เกี่ยวกับตะไคร้บ้าน 11 ความรู้เกี่ยวกับใบส้มป่อย 12 ความรู้เกี่ยวกับใบมะขาม 14ความรู้เกี่ยวกับใบเป้า 16ความรู้เกี่ยวกับใบขี้เหล็ก 17 ความรู้เกี่ยวกับหัวหอม 20 ความรู้เกี่ยวกับขิง 21 ความรู้เกี่ยวกับเกลือแกง 30 ความรู้เกี่ยวกับพิมเสน 31 ความรู้เกี่ยวกับการบูร 32







สารบัญ (ต่อ)

เรื่อง หน้า

บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการดำเนินการ

วัสดุอุปกรณ์ 33 วัตถุดิบ 33วิธีดำเนินการทำลูกประคบ 34

บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน

ตารางแสดงผลการทดลอง 35

บทที่ 5 สรุปการอภิปรายผลการดำเนินงาน

สรุปการอภิปรายผลการดำเนินงาน 36

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 36

ข้อเสนอแนะ 36

ภาคผนวก 37

บรรณานุกรม 44























คำนำ



โครงงาน เรื่อง ลูกประคบจากสมุนไพร(HERBAL COMPRESS)จะสำเร็จเป็นลูกประคบสมุนไพร(HERBAL COMPRESS)ต้องอาศัยกระบวนการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ กระบวนการกลุ่ม ร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างนักเรียน ครู ชุมชน สร้างนวัตกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นที่มีอยู่ คือการสร้าง “ลูกประคบสมุนไพรที่หาวัสดุธรรมชาติได้ในท้องถิ่นมานึ่งและห่อ” รวมเป็นส่วนประกอบของลูกประคบ ทำให้ลูกประคบสมุนไพรระเหยส่งกลิ่นหอมและบรรเทาอาการปวดบริเวณต่างๆของร่างกายประกอบกับช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น สร้างความดึงดูดใจและความสนใจ ใช้ง่าย ไม่ระคายเคืองต่อผิว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและไม่ต้องรับประทานยาจำนวนมากด้วย เนื่องจากใช้ลูกประคบสมุนไพรในการประคบหรือนวด วัสดุส่วนหนึ่งนั้นสามารถหาได้จากธรรมชาติ ในชุมชน บูรณาการร่วมกับภูมิปัญญาในท้องถิ่น นำสมุนไพรหาได้ในท้องถิ่นมานึ่งและห่อ ผสมเป็นส่วนประกอบของลูกประคบอย่างสมดุล

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

แบบทดสอบ O-NET ม.3

1. คำสอนของพระพุทธศาสสนาสอนใคนให้ทานโยมีวัคถุประสงค์ตรงกับข้อใดมากที่สุด
ก.เพื่อฝึกจิตใจให้ผ่องใส
ข.เพื่อสดละความเห็นแก่ตัว
ค.เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทาสังคม
ง.เพื่อช่วยคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้


2.การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ มีลักษณะคลายพิธีศีลข้อใดในศาสนาคริสต์

ก.ศีลจุ่ม
ข.ศีลกำลัง
ค.ศีลมหาสนิท
ง.ศีลสารภาพบาป

3.ศาสนาพุทธบูชาพระรัตนตัย ศาสนาอิสลามปฏิบัติในข้อใด

ก.การละหมาด
ข.การถือศีลอด
ค.การปฏิญาตน
ง.การบริจาคซะกาต

4.นักเรียนระดับชั้นม.3 จะประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนได้จะตัองปฏิบัติตามหลักของคุณธรรมข้อใด

ก.อิทธิบาท 4
ข.พรหมวิหาร 4
ค.ฆราวาสธรรม 4
ง.ปธาน 4


5.คุณป้ามีความทุกข์ใจมากเมื่อพบว่ามีรอยย่นที่หางตาความทุกข์นี้กิดขึ้นเพราะท่านไม่เข้าใจธรรมในข้อใด

ก.อัตกะ 3
ข.ไตรลักษณ์
ค.ไตรวัฏฏ์
ง.ปปัญจธรรม 3

6.จุดมุ่งหมายของ จิตภาวนา คือข้อใด

ก.การสวดอ้อนวอนให้บรรลุยล
ข.การสร้างความสอบในจิตใจ
ค.การมีระเบียบวินัยสำรวมกายวาจา
ง.การแย่กรรมดีไปสู่มวลมนุษย์

7.หน้าที่สำคัญของพระพราหมณ์ตามหลักศาสนาฮินดูคือข้อใด

ก.สอนหนังสือ
ข.ประกอบพิธีกรรม
ค.โล้ชิงด้า
ง.จัดบายศรี

8.เมื่อถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา ชาวพุทธควรจะระลึกถึงสิ่งใดมากที่สุด

ก.พระรัตนตรัย
ข.พระพุทธคุณ 3
ค.พระไตรปิฏก
ง.การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

9คุณยายพาหลายไปตักบาตรบริเวณหน้าบ้าน พระสงค์รูปหนึ่งเดินรับบาตร คุณยายจึงนิมนต์พระลงค์ให้มารับบาตรในวันพรุ่นี้ด้วยพระสงฆ์จะกล่าวตอบอย่างไร

ก.ครับผม
ข.ขอบคุณโยม
ค.เจริญพร
ง.อนุโมทนา

10.ความเข้าใจในไตรลักษณ์จะช่วยในการดำเนินชีวิตของเราอย่างไร

ก.เป็นตนแก่ที่มีคุณภาพ
ข.ยิ้วแย้วแจ่มใสมีความเข้าใจกัน
ค.ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ง.ทำใจไดดั่งคำว่า ใครชอบใครชัง ช่างเถิด

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

วิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวัน

1.ตู้เสื้อผ้าที่ทำด้วยไม้ มักจะถูกพวกแมลงต่างๆ มารบกวน เพื่อป้องกันความ ยุ่งยาก จากแมลงเหล่านี้ ใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำมันสน รองพื้นตู้ที่ติดกับพื้นห้องเอาไว้โดยรอบ จะทำให้แมลงหนีไป




2.ใช้ยาสีฟันขัดเครื่องใช้ที่ทำด้วยแสตนเลส เช่น ช้อนส้อม ชาม จาน โดยเฉพาะ บริเวณลวดลาย ที่ด้ามช้อนส้อม จะช่วยให้สะอาดขึ้น



3.ก้านดอกไม้สั้น ให้ใช้หลอดดูดน้ำหวานเสียบต่อจากปลายก้าน แช่ในน้ำ จัดใส่ แจกันเหมือนดอกไม้ ก้านยาว ดอกไม้จะดูดน้ำขึ้นไปตามหลอดดูด



4.ใช้น้ำสารส้มผสมกับเบียร์ทากระจกที่มัวเป็นฝ้า แล้วขัดด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ กระจกจะใสเป็นเงา



5.แปรงทุกชนิด เมื่อใช้แล้วควรวางตะแคงข้าง หรือแขวนห้อย อย่าวางหงาย เพราะขนแปรงจะร่วงเร็ว



6.ชามหล่อขาตู้น้ำกับข้าว ควรหยดน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันขี้โล้เล็กน้อย จะกันยุง แมลง และมด ไต่บนผิวน้ำ ไปขึ้นตู้กับข้าว



7.รอยสนิมบนเสื้อผ้า สามารถลบออกได้ โดยใช้เกลือผสมน้ำมะนาว ถูทาก่อน ซักน้ำธรรมดา แล้วนำไปตาก ให้แห้งกลางแดด



8.ถ้าประตูฝืด มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แทนที่จะใช้น้ำมันหยด ให้ใช้น้ำสบู่เหลวๆ หยดลงบนบานพับ ความฝืดก็จะหายไป และสามารถล้างให้สะอาดได้ง่ายกว่าน้ำมัน



9.ถ้าล้างแก้วน้ำแล้ว ไม่สะอาดสมใจ ให้ใช้น้ำส้มสายชูล้างอีกครั้ง จะทำให้ แก้วใสขึ้น



10.น้ำที่ใส่ตุ่มไว้นานๆ อาจทำให้เกิดลูกน้ำได้ วิธีแก้ไม่ให้เกิดลูกน้ำ ให้เอาปูนแดง ที่ใช้กินกับหมาก ปั้นเป็นก้อนกลม และตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปใส่ในตุ่มสัก 4-5 ก้อน น้ำในตุ่มจะไม่เป็นลูกน้ำอีกเลย

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

วิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวัน

  วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน









1.ตู้เสื้อผ้าที่ทำด้วยไม้ มักจะถูกพวกแมลงต่างๆ มารบกวน เพื่อป้องกันความ ยุ่งยาก จากแมลงเหล่านี้ ใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำมันสน รองพื้นตู้ที่ติดกับพื้นห้องเอาไว้โดยรอบ จะทำให้แมลงหนีไป

2.ใช้ยาสีฟันขัดเครื่องใช้ที่ทำด้วยแสตนเลส เช่น ช้อนส้อม ชาม จาน โดยเฉพาะ บริเวณลวดลาย ที่ด้ามช้อนส้อม จะช่วยให้สะอาดขึ้น

3.ก้านดอกไม้สั้น ให้ใช้หลอดดูดน้ำหวานเสียบต่อจากปลายก้าน แช่ในน้ำ จัดใส่ แจกันเหมือนดอกไม้ ก้านยาว ดอกไม้จะดูดน้ำขึ้นไปตามหลอดดูด

4.ใช้น้ำสารส้มผสมกับเบียร์ทากระจกที่มัวเป็นฝ้า แล้วขัดด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ กระจกจะใสเป็นเงา

5.แปรงทุกชนิด เมื่อใช้แล้วควรวางตะแคงข้าง หรือแขวนห้อย อย่าวางหงาย เพราะขนแปรงจะร่วงเร็ว

6.ชามหล่อขาตู้น้ำกับข้าว ควรหยดน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันขี้โล้เล็กน้อย จะกันยุง แมลง และมด ไต่บนผิวน้ำ ไปขึ้นตู้กับข้าว

7.รอยสนิมบนเสื้อผ้า สามารถลบออกได้ โดยใช้เกลือผสมน้ำมะนาว ถูทาก่อน ซักน้ำธรรมดา แล้วนำไปตาก ให้แห้งกลางแดด

8.ถ้าประตูฝืด มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แทนที่จะใช้น้ำมันหยด ให้ใช้น้ำสบู่เหลวๆ หยดลงบนบานพับ ความฝืดก็จะหายไป และสามารถล้างให้สะอาดได้ง่ายกว่าน้ำมัน

9.ถ้าล้างแก้วน้ำแล้ว ไม่สะอาดสมใจ ให้ใช้น้ำส้มสายชูล้างอีกครั้ง จะทำให้ แก้วใสขึ้น

10.น้ำที่ใส่ตุ่มไว้นานๆ อาจทำให้เกิดลูกน้ำได้ วิธีแก้ไม่ให้เกิดลูกน้ำ ให้เอาปูนแดง ที่ใช้กินกับหมาก ปั้นเป็นก้อนกลม และตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปใส่ในตุ่มสัก 4-5 ก้อน น้ำในตุ่มจะไม่เป็นลูกน้ำอีกเลย